วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พระพุทธไภษัชยะคุรุไพฑูรยประภาตถาคต ตั้งสัจกิริยาประกาศมหาปณธานไว้ 12 ประการ



            พระพุทธไภษัชยะคุรุไพฑูรยประภาตถาคต
                            ปูรวปณิธานสูตร
         ดังที่ข้าพเจ้าได้สดับมา สมัยหนึ่งสมเด็จพระภควันต์ ทรงจาริกไปยังเมืองต่างๆ จนถึงมหานครไวศาสาลี แล้วทรงประทับอยู่ใต้ต้นศัพทรติพฤกษ์ ณ.สถานที่แห่งนั้น ล้วนประกอบไปด้วยเหล่ามหาภิกษุจำนวน 8,000รูปพระโพธิ์สัตว์มหาสัตว์ 36,000พระองค์ รวมทั้งกษัตริย์ เจ้าเมือง พราหมณ์  บัณฑิตผู้ทรงปัญญา เทวดา นาคและบรรดาสัตว์ในอัษฏคติ(อันได้แก่ เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหราค รวมถึงเหล่ามนูษย์ และอมนุษย์อันมีจำนวนเป็นอประมาณ ต่างได้มาประชุมพรั่งพร้อมกันท่ามกลางสมาคมผู้ที่มีความเลื่อมใส่ศรัทธา บัดนั้นสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสแสดงธรรมเทศนา
      ณ.เบื้องนั้น ด้วยอาศัยพุทธบารมี พระมัญชุศรีธรรมราชกุมาร จึงได้ลึกขึ้นจากอาสนบัลลังก์ที่ประทับ แลัวพาดผ้าเฉี่ยงบ่าด้านหนึ่ง แล้วน้อมกายลงคุกเข่าโดยนำเข่าขาวจรดพื้น ในด้านที่พระผู้มีพระภาเจ้าประทับ ทรงประครองหัตถ์ถวายอัญชลี แล้วตรัสทูลต่อสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
ข้าแต่โลกนาถเจ้า ขอพระองค์โปรดตรัสแสดงถึงลักษณาการและพระนามของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทั้งขอพระองค์ทรงแสดงกุศลแห่งมหาประณิธานอันวิเศษยอดเยี่ยมทั้งปวง เพื่อเป็นเหตุให้อกุศล วิบากกรรมทั้งปวงได้สูญสิ้นไปเปรียบประดุจดั่งการเคลื่อนวงล้อแห่งพระธรรมเพื่อยังความสุข ความเกษมให้สำเร็จแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยเทอญพระพุทธเจ้าข้า
        บัดนั้น สมเด็จพระผู้พระภาคเจ้า ทรงตรัสสรรเสริญพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ว่า ประเสริฐแล้ว ประเสริฐแล้ว มัญชุศรี เธอประกอบด้วยมหากรุณาอันเป็นที่สุด ที่ได้อาราธนาให้เราตถาคต แสดงพระนามแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อีกทั้งกุศลบารมีห่งประณิธานของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้นเพื่อจะเป็นการไถ่ถอนวิบากกรรมแลอกุศลกรรมทั้งปวงที่พันธนาการสรรพสัตว์อยู่ให้สมุจเฉทสูญสิ้นไป เพื่อเป็นคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ในการเคลื่อนธรรมจักรในครั้งนี้ด้วยอีกโสดหนึ่ง ดังนั้นเธอทั้งหลายจงได้สดับฟัง แลพิจารนาตรึกตรองให้เทอญ เราตถาคตจะแสดงแก่เธอ ณ. บัดนี้
   ในขณะนั้น พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ จึงกราบทูลว่า ขอพระองค์ทรงแสดงพระสัทธรรมนี้ตามประสงค์ด้วยเทอญ ข้าพระทั้งหลายมีความปิติปราโมทย์พร้อมที่จะสดับพระสัทธรรมนี้
      สมเด็จพระผู้พระภาคเจ้า ทรงมีพุทธดำรัสกับ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ว่า ดูก่อน มัญชุศรี นับจากโลกธาตุแห่งนี้ไปในเบื่องบูรพาทิศ ผ่านพุทธเกษตรนับจำนวนได้เท่ากับเม็ดทรายในคงคานที 10 สายรวมกัน ยังมีโลกธาตุแห่งนามว่า ศุทธิไพฑูรย์ มีพระผู้มีพระภาคเจ้านามว่า ไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคต ซึ้งพระองค์ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองทรงสมบูรณ์ถึงพร้อมด้วยวิชาและจรณะ ทรงเสด็จแล้วด้วยดี ทรงเป็นผู้รัแจ้งในโลก ทรงยอดเยี่ยมหาผู้มาเสมอเหมือนมิได้ ทรงเป็นผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึก ทรงเป็นบรมศาสดาของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานและทรงเป็นที่พึ่งแห่งโลก
    มัญชุศรี พระภาคเจ้า ไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคต พระองค์นั้น ในสมัยที่พระองค์ทรงเสวยชาติเป็นโพธิสัตว์อยู่นั้น พระองค์ได้กระทำสัจกิริยาประกาศมหาปณธานไว้ 12 ประการ เพื่อโปรดอนุเคราะห์แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายดังนี้
      มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 1 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ณบัดนั้น ขอให้กายของบังเกิดมีรัศมีสว่างไสวโชติช่วงประดุจเปลวเพลิง ฉายแสงประภาสอันหาประมาณมิได้ส่องสว่างไปทั้วทั้งบริเวณโดยรอบไร้ขอบเขต ไม่ติดขัดในโลกธาตุทั้งปวง ถึงพร้อมด้วย พุทธลักษณะที่สำคัญ ทวัตติงสะมหาบุรุษลักษณะ 80 ประการอันเป็นที่หน้าเลื่อมใส่แลอลังการ จงได้สำเร็จแก่เรา และจะยังให้สรรพสัตว์ทั้งปวงได้เสมอเหมือนโดยไม่มีผิดเพยี้นหรือแตกต่างจากเราเลยแม้แต่น้อย
      มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 2 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุถึงโพธิญาณแล้ว บัดนั้น ขอให้กายของเราว่างไสวสุกใสทอแสงรัศมีเสมือนดั่งรัตนไพฑูรย์ มีรัศมีอันปราศจากมลทินและความเศร้าหมอง ทั้งภายในภายนอก เป็นรัศมีแห่งกุศลบารมีอันยิ่งใหญ่ มีแสงรังสีสว่างไสวรุ่งเรืองยิ่งกว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แลแสงรัศมีนี้ จงฉายแสงไปถึงนิริยะภูมิ เบิกถอนความโง่เขลา ความมืดบอดของสรรพสัตว์ให้สิ้นไป เพื่อให้สรรพสัตว์ได้ดำเนินชีวิตไปตามความประสงค์ของแต่ละบุคคล
      มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 3 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุถึงโพธิญาณแล้ว บัดนั้นด้วยอภิสัมโพธิปัญญาอันไม่มีประมาณ ที่ซึ่งไมข้องขัดในสิ่งปวงนั้น ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงได้พ้นจากความยากจนค่นแค้น พ้นจากความยากไร้ และจะไม่ต้องปราศไปจากสิ่งของต้องประสงค์ทั้งปวง
     มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 4 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุถึงโพธิญาณแล้ว หากมีสรรพสัตว์เหล่าใด ที่ประพฤติธรรมอันเป็นอกุศล เราจะเป็นผู้ทำให้เขาเหล่านั้น หันกลับมาประพฤติปฏิบัติจริยาอันเป็นแนวทางสู่โพธิมรรค รวมทั้งผู้ที่ปฏิบัติจริยาในสาวกยานปักเจกยาน เราก็จะทำให้เขาทั้งหลายนั้น หันกลับมาประพฤติจริยา ตามปฏิปทาแห่งมหายานเช่นเรา
         มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 5 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุถึงโพธิญาณแล้ว หากสรรพสัตว์ทั้งหลายอันไม่มีประมาณ ได้ประพฤติพรหมจรรย์ ตามคำสอนของเราและประพฤติปฏิบัติได้อย่างบริสุทธิ์ ถึงพร้อมในตรีวิธานิศีลแล้ว ถ้าหากได้ละเมิลในศีลนั้น ทำให้บังเกิดมีมลทินด่างพร้อย หากได้สดับนามแห่งเราแล้ว เขาผู้นั้นก็จะกลับคืนสู่ภาวะบริสุทธิ์ในทันทีและจะไม่ตกไปสู่ห้วงแห่งอบายภูมิอีกต่อไป
              มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 6 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุถึงโพธิญาณแล้ว หากแม้นว่ามีสรรพสัตว์ที่ทุพพลภาพพิกลพิการ และอายตนะทั้งหลายไม่สมบูรณ์ มีร่างกายอัปลักษณ์ สัญญาวิปลาส สติไม่สมปะดี ตาบอก หูหนวก บ้าใบ้ ง่อยเปลี้ย เสียสติ ได้รับทุกขเวทนาจากโรคภัยต่างๆ หากได้สดับนามแห่งเราแล้วขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายนั้น จงกลับกลายเป็นผู้มีร่างกายที่งดงามสง่า มีอายตนะครบถ้วนบริบูรณ์ อวัยวะต่างๆสมบูรณ์และปราศจากโรคภัยทั้งปวง
              มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 7 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุถึงโพธิญาณแล้ว หากมีสรรพสัตว์ที่ประสพโรคร้ายต่างๆ แต่ปราศจากผู้ชี้แนะปราศจากแพทย์ผู้รักษา ไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีแม้นกระทั่งที่พักพิงอาศัย ต้องผจญกับความลำบากทุกข์เข็ญนานัปการ หากเขาเหล่านั้นได้สดับนามแห่งเราแล้วโรคาพาธ และทุกข์ที่มีอยู่ก็จะสูญสี้นไปจักมีความสุขทั้งกายและใจ วงศ์ตระกูลจะสุขสมบูรณ์พูนผล อุดมด้วยโภคสมบัติ และเขาผู้นั้นก็จะได้บรรลุถึงพระอนุตรส้มมาสัมโพธิญาณในที่สุด
              มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 8 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุถึงโพธิญาณแล้ว หากมีสตรีเพศใดที่ประสพกับความทุกข์มีความกลัดกลุ้มใจ เบื่อหน่าย มีจิตที่ปรารถนาต้องการจะหลุดพ้นจาดลักษณาการแห่งอิสัตรี หากเธอผู้นั้นได้สดับนามแห่งเราแล้ว ขอให้รูปกายและสิ่งต่างๆ ที่เป็นหญิงจงกลับกลายบุรุษ สภาพโดยสมบูรณ์ และเธอผู้นั้นก็จะได้บรรลุพระอนุตรส้มโพธิญาณในที่สุด
              มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 9 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุถึงโพธิญาณแล้ว หากมีสรรพสัตว์เหล่าใดที่เข้าสู่กระแสข่ายแห่งมาร เราจะช่วยให้เขาพ้นจากกระแสข่ายแห่งมารนั้นให้ได้พ้นจากความหลงผิดอวิชาทั้งปวงหากแม้นผลแห่งอกุศลกรรมที่สรรพสัตว์เหล่านั้นำด้กระทำไว้จะเป็นเหตุให้ไปสู่นรกภูมิเราจะขอเป็นผู้ระงับมิจฉาทิฐิของสรรพสัตว์ทั้งหลายเอง แลจะช่วยให้เหล่าสรรพสัตว์นั้น ได้บังเกิดมีสัมมาทิฐิหันมาบำเพ็ญจริยาของพระโพธิสัตว์และจะช่วยให้สำเร็จถึงพร้อมในพระโพธิญาณได้โดยไว
             มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 10 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุถึงโพธิญาณแล้ว หากมีสรรพสัตว์เหล่าใดที่ต้องคดีอาญาหลวง ถูกจ้องจำ ถูกพันธการด้วยโซ่ตรวน ถูกโบยตี หรือคดีประหารชีวิตด้วยอาญาใหญ่น้อย ต้องประสพภยันตราย ถูกข่มเหง ดูถูกเหยียดหยาม ไม่ได้รับความกรุณาได้รับทุกขเวทนาทั้งกายและใจเป็นที่ยิ่งหากเมื่อได้สดับนามแห่งแล้ว ด้วยคุณธรรมบารมีอันยิ่งใหญ่ของเรานั้นขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงได้หลุดพ้นสิ้นจากความทุกข์ทรมานทั้งปวง
             มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 11 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุถึงโพธิญาณแล้ว หากมีสรรพสัตว์เหล่าใดที่ได้รับทุกข์ทรมาน จากทุพภิกขภัย(ข้าวยากหมากแพง) อดยากหิวกระหาย อีกทั้งผู้ที่ต้องกระทำกรรมชั่วเพื่อเลี้ยงชีพของตน เมื่อเราได้สดับนามแห่งเราแล้วและตั้งจิตอธิษฐานภาวนาถึงเราในเบื้องแรกทิพยบริภัณฑ์และทิพย์สุธาโภชน์ ก็จะได้สำเร็จแก่เขาผู้นั้นอย่างบริบูรณ์ และในเบื้องอันเป็นที่สุดนั้น เขาจะได้เสวยอมฤตธรรมจะเป็นผู้ที่ถึงพร้อมในบรมสุขอันเยี่ยมยอดจำนวนอประมาณ
             มหาปณิธานประการที่หนึ่ง 12 เมื่อเรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุถึงโพธิญาณแล้ว หากมีสรรพสัตว์ ผู้อนาถา ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มได้รับโรคภัยจากแมลงต่างๆ ผจญอากาศหนาวร้อนทุกวันคืน ได้รับแต่ความทุกข์ทรมาน เมื่อได้สดับนามแห่งเราแล้วและตั้งจิตภาวนาสาราณียะด้วยความยึดมั่น ความทุกข์ทรมานทั้งหลายนั้นก็จะมลายหมดสิ้นไป เขาจะได้รับวัตถาภรณ์แพรพรรณ อันเป็นทิพย์ในทันทีอีกจะพรั่งพร้อมไปด้วยรัตนมณีอันมีค่าทั้งปวง เครื่องหอม เครื่องสังคีตดนตรีทั้งหลาย ก็จะได้สำเร็จแก่เขาผู้นั้นอย่างบริบูรณ์ 

       ดูก่อน มัญชุศรี นี่คือปฏิปทาปณิธาน แห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตพระองค์นั้น พระผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระเอง  ในกาลสมัยที่พระองค์ทรงบำเพ็ญ จริยาเสวยพระชาติเป็นโพธิสัตว์อยู่นั้น พระองค์ทรงได้ประกาศมหาปณิธานนี้ เพื่อจะยังพุทธเกษตรอันวิเศษสมบูรณ์ ให้บังเกิดขึ้นด้วยองค์แห่งมหาปณิธานนั้น ถ้าว่าเราตถาคต(พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า) จะพรรณนาถึง พุทธเกษตรแห่งนั้นไปตลอดเวลา ๑ กัลป์ ก็มิอาจที่จะพรรณนาได้หมดสิ้น ดินแดนพุทธเกษตรแห่งนั้นบริสุทธิ์วิเศษ น่าภิรมย์เป็นยิ่งนัก ปราศจาก ซึ่งวิบากกรรมและอกุศลกรรมทั้งปวง ปราศจากสรรพสำเนียงแห่งความทุกข์ พื้นเมทนีดลของโลกธาตุแห่งนั้น ก็มีสีดังรัตนไพฑูรย์ มีข่ายกระดึงทองเชื่อมโยงติดต่อกันกับโลกธาตุแห่งนี้ (สหาโลกธาตุ) พรั่งพรัอมไปด้วยปราสารท ราชมณเทียร วิหาร ชาลมาลา ราชรถอันล้วนแต่ประดับประดารังสรรค์ด้วย สัตปรัตนมณีทั้งสิ้น ซึ่งอลังการแลวิจิตรพิสดารไม่พร่อง ไม่แตกต่าง ไม่ผิดเพี้ยนจากสุขาวดีโลกธาตุ เบื้องทิศตะวันตกเลยแม้แต่น้อย ในศุทธิไพฑูรยพุทธเกษตรแห่งนั้น มีพระโพธิสัตว์ มหาสัตว์อยู่ ๒พระองค์นามว่าสุริยะประภาพระองค์หนึ่ง และจันทรประภาพระองค์หนึ่ง พระโพธิสัตว์ มหาสัตว์อยู่ ๒พระองค์นี้ ประทับอยู่เป็นประธานในหมู่โพธิสัตว์ อันมีจำนวนมากมายเหลือคณานับ เป็นอัครสาวกแห่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น (พระไภษัชยะคุรุไพฑูรยประภาตถาคต) มีความเข้าใจ รู้แจ้งในธารณีกุศโลบายของพระผู้มีพระภาคเจ้าไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคต และประทับอยู่ ณ ท่ามกลางรัตนธาตุมณฑล เป็นดั่งนั้น  มัญชุศรี เหล่ากุลบุตร กุลธิดาทั้งหลายสมควรตั้งจิตปรารถนาเพื่อจะไปจุติ ณ ศุทธิไพฑูรยพุทธเกษตรอันเกษตรแห่งนั้นเทอญ
     แลเบื้องนั้น สมเด็จพระชินสีห์ ทรงมีพุทธอนุศาสน์กับพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ต่อไปว่า ดูก่อน  มัญชุศรียังมีสรรพสัตว์บางเหล่าที่ไม่เข้าใจในความผิดชอบชั่วดี มีความละโมบโลภมาก  ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่รู้จักการบริจาคทานและผลแห่งการบริจาคทานนั้น เป็นผู้เขลาเบาปัญญาอยู่ ปราศจากรากฐานแห่งความศรัทราอันถูกต้องทั้งสั่งสมแก้วแหวน เงินทอง  สิ่งของมีค่านานัปการ รักษาไว้โดยหวงแหน ครั้งเมื่อพบขอทานยาจกผู้เข็ญใจ จิตใจก็มัวหมอง บังเกิดความรังเกียจขึ้นในทันที เมื่อได้บริจาคทานก็เสมือนดั่งว่าถูกตัดเฉือนร่างกาย เนื้อหนัง มีความเสียดายเป็นที่สุด ผู้ที่มากไปด้วยอภิชฌาความละโมกโลภมาก ตระหนี่ถี่เหนี่ยวอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั้นยังมีอีกมากมายนัก ซึ้งได้แต่เก็บสั่งสมทัรพย์สมบัติเงินทองไว้จนไม่ขัดสนขาดแคลนสิ่งของต้องประสงค์แล้ว ก็ยังไม่ยอมใช้สอย แม้แต่สำหรับตัวเอง บิดว มารดา ภริยาและบุตร อีกทั้งทาส ทาสี(ทาสผู้หญิง)และบริษัทบริวารของตน อีกผู้ยากไร้แลสรรพชีวิตทั้งปวงก็มิได้เผื่อแผ่ไปถึง เมื่อถึงแก่กาลมรณะก็จะไปจุติในภพภูมิแห่งเหล่าเปรตหรือสู่แดนแห่งเดรัจฉาน แต่หากเมื่อตอนที่อยู่ในภูมิมนุษย์นั้น บังเอิญได้สดับฟังพระนามพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้า เมื่อที่ต้องรับผลกรรมอยู่ในอบายภูมินั้นๆ หากได้ระลึกพระองค์ท่าน ท่องบ่นภาวนาถึงอยู่ทุกวาระจิต ก็สามารถพ้นจากวิบากกรรมที่มีอยู่ได้ จะหลุดพ้นจากอบายภูมินั้นกลับมาจุติเป็นมนุษย์ได้อีกครั้งหนึ่งสามารถหวนระลึกถึงบุพชาติ (อดีตชาติ) ของตนเองเมื่อก่อนได้ จะมีหิริโอตตัปปะ (ความเกรงกลัว ละอายต่อบาป) ไม่ยินดี ไม่ปรารถนา ไม่พึงพอใจในโลกียะสุขอีก ความละโมบโลภมากก็จะสิ้นไปจากใจ จะชื่นขมในการปฏิบัติคุณความดีและกุศลกรรมต่างๆ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นิยมยินดีในการบริจาคทาน อนึ่งก็มิได้หวังผลในการกระทำนั้น จนสามารถสละแม้กระทั่งศรีษะ ดวงตา มือ เท้า เลือด เนื้อและร่างกายออกเป็นมหาทานได้ เป็นดังนี้ การบริจาคทานด้วนทรัพย์สมบัติทั้งปวงก็จะสำเร็จถึงพร้อมได้โดยสมบูรณ์  ด้วยประการฉะนี้แล
     มัญชุศรี หากแม้นมีสรรพสัตว์เหล่าใด ที่ได้บำเพ็ญจริยามรรคแห่งเราตถาคต (พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า) แล้วหากได้ละเมิดในศีลหรือหากว่ามิได้ละเมิดในศีล หรือข้อห้ามที่สำคัญใดๆ ก็ตามแต่ละเมิดในศีลเล็กๆน้อยๆและยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้อง อีกทั้งละเลยต่อการสดับ ศึกษาในพุทธโอวาท พระสูตร พระคัมภีร์ และอรรถธรรมอันลึกซึ้งต่างๆจึงทำให้ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ แม้ว่าจะได้สดับรับฟังมามากก็ตามนั้น แต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าได้ตามนั้น หรือหากว่าได้เข้าใจตามนั้นก็หาได้มีความศัรทธาเชื่อถือไม่  ซ้ำยังดูหมิ่นวิพากษ์พระสัทธรรมนั้นอีก เปรียบประหนึ่งว่าเขาเป็นมิตรกับเหล่ามาร เปรียบประหนึ่งว่าเขาเป็นมิตรกับเหล่ามาร  คนเขลาผู้นั้นย่อมประพฤติตนอยู่ในสิ่งผิด และจะยังให้สรรพสัตว์จำนวนหลายโกฏิ  ต้องหลงผิดตามไปด้วย บุคคลเหล่านี้จะต้องไปเกิดในอบายภูมิทั้ง ๓ คือ นรกภูมิ เปรตภูมิ เดรัจฉานภูมิ เวียนวายอยู่ในมหรรณพแห่งทุกข์ไม่จบสิ้น หากบุคคลเหล่านั้น  ได้สดับฟังพระนามพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้า แล้วเลิกประพฤติตนในกรรมอันเป้นอกุศล หันกลับมาประพฤติในกรรมอันเป็นกุศลแทนก็จะไม่ต้องตกสู่อบายภูมิ ๓ อีกต่อไป หากยังมีผู้ที่ไม่สามารถเลิกก่อกุศลกรรม แล้วหันมาก่อกุศลกรรมได้เขาผู้นั้นจะต้องตกสู่อบายภูมิ ๓ อย่างแน่นอน แต่ด้วยผลานุภาพของพระมหาปณิธานแห่งพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตพระองค์นั้น (มหาปณิธานประการที่ ๙ ) (เราจะเป็นผู้ระงับมิจฉาทิฐิของสรรพสัตว์ทั้งหลาย จะทำให้สรรพสัตว์บังเกิดมีสัมมาทิฐิ ช่วยให้ได้หันมาบำเพ็ญในจริยาแห่งพระโพธิสัตว์ และจะยังให้สำเร็จถึงพร้อมในพระโพธิญาณโดยไว) หากได้ปฏิบัติภาวนาในพระนามที่ได้สดับฟังมา(พระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคต) แล้วบำเพ็ญภาวนาโดยมั่นคงไม่ท้อถอยครั้นเมื่อถึงกาลมรณะ ก็สามารถกลับมาจุติในมนุษย์ภูมิได้อีก จะมีความเห็นชอบ มั่นคงอยู่ในสัมมาทิฐิ บำเพ็ญตนอยู่ในการกุศล มีจิตใจที่อิ่มเอิบปิติสุข หากแม้นสามารถสละที่อยู่อาศัยแล้วออกบวช ตั้งใจบำเพ็ญธรรมคำสอนแห่งเราตถาคตและไม่กลับมากระทำสิ่งผิดอีก มีความเห็นชอบในการสดับฟัง มุ่งมั่นในพระสูตรอรรถธรรมทั้งหลายแล้วค่อยๆ บำเพ็ญทุกอย่างปราศจาก มิจฉาทิฐิ (ความเห็นผิด) ดังนี้ก็ย่อมจะไม่ตกเป็นข้าทาสบริวารของเหล่ามาร  อีกยังสามารถบำเพ็ญโพธิสัตว์จริยาให้สำเร็จครบถ้วนบริบูรณ์โดยรวดเร็ว
     มัยชุศรี มาตรว่ามีสรรพสัตว์ที่ประกอบด้วยความตระหนี่ถี่เหนียว ละโมบ โลกมาก เติมไปด้วยความอิจฉาริษยา  มีอติมานะชอบยกตนเหยียดท่าน สร้างความเดือดร้อน ชิงชัง กล่าวโทษแก่ผู้อื่นด้วยเหตุฉะนี้ สรรรพสัตว์นั้นย่อมจะต้องตกไปสู่ทุคติ ๓ (นรกภูมิ เปรตภูมิ เดรัจฉานภูมิ)และได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัสนานัปการนานนับอสงไขย ครั้งเมื่อสิ้นอายุโทษจากทุคติภูมินั้นแล้วก็จะจุติในโลกมนุษย์  ถือปฏิสนธิเป็น โค กระบือ ม้าฬ่อ คัทรภะ(ลา) ถูกโบย เฆี่ยน ตีด้วยแส้ หิวกระหาย เหนื่อยยากลำบากได้รับทุกข์ทรมาน ต้องแบกบรรทุกภาระอันหนัก ตามผลแห่งกรรมที่ได้กระทำมา แม้นได้เกิดเป็นมนุษย์ก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่อัตคัตขันสน ต่ำต้อย เป็นทาส ทาสี ถูกกดขี่ข่มเหงมีความทุกข์ใจอยู่เป็นนิจ หากแม้นในบุพกาลที่ล่วงมา สรรพสัตว์เหล่านี้เคยได้สดับฟังพระนามของพระผู้มีพระภาคเจ้าไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตด้วยผลานิสงค์นั้นจะทำให้ระลึกจดจำถึงพระองค์ได้อีกครั้งหนึ่ง จะได้ยึดมั่นในพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้าเป็นสรณะด้วยจิตอันเปี่ยมศรัทธาที่บริสุทธิ์ แลด้วยพระพุทธานุภาพอันวิเศษจะยังได้สรรพสัตว์เหล่านั้น ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานทั้งปวงบังเกิดมีปฏิสัมภิทาสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดและมหาสุตะจะปรารถนาฝักไฝ่ในอมฤตธรรม ไดพานพบกับหมู่กัลยาณมิตร อีกจะยังอบายแห่งมารให้เป็นสมุจเฉทได้ จะปราศจากความลุ่มหลงในอวิชชา สามารถยังกิเลสสาครให้เหือดแห้งจนได้หลุดพ้นจากวัฏฏะแห่งการเกิด แก่เจ็บ ตาย และความทุกข์โศกเศร้าหมองทั้งปวงในที่สุด
     มัญชุศรี  หากมีสรรพสัตว์ที่กระทำสิ่งที่ผู้อื่นไม่ยินดีต้องคดีความกล่าวกัปปิยโวหาร ทะเลาะวิวาทสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งทาง กาย วาจา ใจ ก่อสร้างอกุศลกรรมนานาชนิด มีจิตใจที่กระวนกระวายสับสน ไม่รู้จักให้อภัย ประกอบด้วยประทุษฐจิตร วิงวอนบูชาต่อปีศาจ เทพเจ้าแห่งขุนเขา รุกขเทวดาและวิญญาณแห่งหลุมศพ  ฆ่าสัตว์เพื่อเอาเลือดเนื้อมาสังเวยยักษา ผีสางรากษส เขียนชื่อแลปั้นรูปของศัตรูเพื่อทำลายสาปแช่ง ใช้เวทมนต์คาถาและเดรัจฉานวิชา ปลุกซากศพเพื่อหวังล้างผลาญชีวิตของศัตรูหากสรรพสัตว์นั้นได้สดับฟังพระนามพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้าพระองค์นี้แล้วอกุศลกรรมและวิบากกรรมที่ได้กระทำมา ความอาฆาตพยาบาท  ความอิจฉาริษยา อุปสรรค ความหวาดกลัว และความวุ่นวายสับสนต่างๆ ก็ปลาสนาการสูญสิ้นไป กลับบังเกิดมีจิตเมตตาอ่อนโยน จะได้รับความเกษมศานต์  ปราศจากโทษภัย  อันเกิดจากความเสื่อม ปราศจากความทุกข์อันเกิดจากจิตความเกลียดชัง  ความอิจฉาริษยาก็สิ้นไปจากจิต มีแต่ความยินดีพอใจในทรัพย์สมบัติของตน และยังหิตานุหิตประโยชน์เกื้อกูลกันโดยถึงพร้อม
    มัญชุศรี หากพุทธบริษัททั้ง ๔ อันประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา รวมไปถึงกุลบุตร กุลธิดาผู้เปี่ยมศรัทธาอันบริสุทธิ์สมาทานและรับปฏิบัติในอุโบสถศีล บริโภคอาหารเจบริสุทธิ์ สาธยายพระสูตรนี้เป็นเวลา ๑ ปี หรือ ๓ เดือน ด้วยกุศลมูลนี้เมื่อมีจิตปรารถนาจะไปจุติ ณ โลกธาตุอันสุขารมณ์ในทิศาเบื้องตะวันตกนามว่า (สุขาวดี) แห่งพระอมิตายุอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่เมื่อได้สดับฟังพระธรรมคำสอน ก็ไม่มั่นใจ (ไม่แน่วแน่มั่นคง) ว่าจะได้ปฏิสนธิ ณ โลกธาตุแห่งนั้นแน่นอนหรือไม่ คราเมื่อใกล้จะถึงกาลมรณะ หากได้สดับฟังนามพระไภษัชยคุรุไภฑูรยประภาตถาคตเจ้าและพระมหาโพธิสัตว์อีก ๘ พระองค์ อันมีพระนามว่า พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ๑ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ๑ พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ ๑ พระอักษยติโพธิสัตว์ ๑ พระทานรัตนศรีโพธิสัตว์ ๑ พระไภษัชยราชาโพธิสัตว์ ๑ พระไภษัชยสมุทคเตโพธิสัตว์ ๑ พระศรีอริยะเมตไตรยโพธิสัตว์ ๑ นี่คือพระมหาโพธิสัตว์ทั้ง ๘ พระองค์ ซึ่งจะเสด็จลงมาจากนภากาศเพื่อนำพาไปอุบัติยังรัตนปทุม ณ โลกธาตุแห่งนั้นเอง แม้นว่ามีเหตุให้จุติในโลกสวรรค์ ก็เพราะด้วยกุศลมูลในอดีต (จากการได้สดับฟังและภาวนาพระนามพระไภษัชยคุรุฯ พุทธะและพระโพธิสัตว์ทั้ง ๘ พระองค์) ที่ส่งให้ไม่ต้องลงสู่อบายภูมิ แต่ก็หายั่งยืนมั่นคงไม่ครั้นเมื่อถึงเวลาสิ้นอายุขัยบนโลกสวรรค์แล้วก็จะกลับมาเกิดเป็นพระมหาจักรพรรดิราชาในโลกมนุษย์ มีเดชานุภาพยิ่งใหญ่ปกครอง ไปทั่วจตุรแคว้นแดนทวีป น้อมนำให้สรรพชีวิตจำนวนไม่มีประมาณ ถึงพร้อมอยู่ในทศกุศลานิ (กุศล๑๐ประการ) หากไปจุติในวงค์ตระกูลกษัตริย์ พราหมณ์  บัณฑิต คฤหบดี ก็จะเป็นผู้มั่งมีโภคทรัพย์ธนสารสมบัติ มีรูปลักษณ์งดงามปราศจากมลทิน มีความสมบูรณ์น่าทัศนา เป็นผู้มีปฏิสัมภิทาสติปัญญาอันเฉียบแหลม แตกฉานในปรัชญาอันลึกซึ้ง มีบริวารที่เก่งกล้าทระนงทรงไว้ซึ่งมหิทธานุภาพอันไพศาล ประดุจดั่งผละดิศศัยเทพ อนึ่ง หากมีอิสตรีที่ได้สดับฟังพระนามพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้า แล้วได้ยังจิตใจให้ถึงพร้อมด้วยสุปฏิบัตภายหลังก็จะไม่ต้องกลับมาสู่ลักษณาการแห่งสัตรีอีกเลย
     ดูก่อน  มัญชุศรี  พระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้าพระองค์นั้น ครั้งเมื่ออภิสมัยที่พระองค์ทรงบรรลุถึงพระสรรพุชุดาญาณแล้ว ด้วยผลานุภาพแห่งมหาปณิธาน พระองค์ทรงทอดทัดศนา พระองค์ทรงทอดทัดทัศนาใสรพสัตว์ทั้งปวง ที่ต้องประสพทุกข์จากโรคภัยต่างๆ ต้องซูบผอมทุพพลภาพ นิ้วมือ นิ้วเท้างอหงิกเป็นไข้ตัวร้อนและโรคาพาธต่างๆ บ้างก็อายุสั้น และบ้างก็เป็นผู้ที่มรณะในเวลาอันสมควรเมื่อพระทรงพิจารนาเห็นเช่นนี้แล้ว ก็ทรงมีพุทธประสงค์ที่จะขจัดภัยพิบัติให้อันตรธานสูญสิ้นไป แลจะทรงบันดานให้ทุกสิ่งสมดังมโนรถทุกประการ(เพื่อยังปณิธานของพระองค์ให้สำเร็จบริบูรณ์
     ในครานั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น (พระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้า) จึงทรงเจริญสมาธินามว่า วิโนทนะนิโรธ (วิธีขจัดทุกข์ของสรรพสัตว์ให้สูญสิ้น) แลในขณะที่พระองค์ทรงเจริญสมาธิอยู่นั้น ก็ได้บังเกิดมีแสงโอฬารประภาส ส่องแสงออกจากพระวรกายและพระเกตุอย่างน่าอัศจรรย์ ในท่ามกลางประภาแสงอันเรืองรองนั้น มีธารณีคาถาปรากฏขึ้นว่า
      นะโม ภาคะวะเต ไภษัชะเย คุรุ ไพฑูรยะปะระภะ ราชา ตะถาคะตายะ อะระหะเต สัมยัก สัมพุทธายะ ตัทยะถา โอม ไภษัชะเย ไภษัชะเย มะหาไภษัชะเย ราชา สมุทคะเต สะวาหา
       เมื่อพระธารณีได้ปรากฏขึ้นหว่างกลางรัศมีอันโอกาสแล้วส่งผลให้พื้นมหาพสุธาสั่นสะเทือน พระองค์ทรงแผ่ฉายรัศมีนั้นออกไป ยังให้สรรพสัตว์ทั้งหลายอันไม่มีประมาณ ได้หายจากโรคภัยและทุกข์โศกทั้งปวงแลได้รับความสุขสบายโดยทั่วกัน

     
     มัญชุศรี หากได้พบชาย หญิงที่มีโรคภัยไข้เจ็บได้รับทุกข์เวทนาพึงตั้งจิตให้แน่วแน่  แล้วปฏิบัติต่อผู้ป่วยไข้ดังนี้ชำระร่างกายเขานั้นให้สะอาด ปรุงอาหารยาและน้ำโดยปราศจากแมลงและหนอน (สิ่งสกปรก) แล้วภาวนา (เสกด้วย) พระธารณีนี้ ๑๐๘ จบ ให้ผู้ป่วยดื่มกินอาหารและยานั้น โรคภัยไข้เจ็บที่มีอยู่ก็จะระงับและดับสิ้นไป หากมีสิ่งปรารถนาต้องการก็ควรตั้งจิตให้บริสุทธิ์ ศรัทธาตั้งใจสาธยายพระธารณี (พระสูตรและพระนาม) นี้ ปณิธานก็จะสำเร็จสมดั่งปรารถนาอีกเขาผู้นั้นก็ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง มีอายุสิริวัฒนา และหลังจากที่สิ้นอายุขัยแล้วก็จะได้บังเกิด ณ แดนศุทธิไพฑูรยพุทธเกษตรแห่งนั้น โดยไม่ต้องกลับมาว่ายเวียนในสังสารวัฏอีก จะเป็นผู้ที่เสถีนรมั่นคงไม่เสื่อมถอยในพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ 
     เป็นดังนั้น มัญชุศรี หากมีกุลบุตร กุลธิดาใดๆ ที่เคารพศรัทธาบูชาใน       พระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้าพระองค์นั้น พึงได้ถวายความเคารพสักการะบูชารักษาในพระธารณีนี้ และหากท่องจำได้โดยไม่ลืมเลือนแล้วไชร้เขาผู้นั้นก็จะไม่ต้องพิกลพิการ
     มัญชุศรี หากมีชาย หญิงที่เลื่อมใสศรัทธาอย่างบริสุทธิ์   ได้สดับฟังพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้าแล้วท่องจำได้ ได้สวดภาวนาในพระนามนั้นในเมื่อยามเช้าให้เคี้ยวไม้สีฟัน (สมัยโบราณ จะเคี้ยวกิ่งข่อยให้ละเอียดแล้วทำความสะอาดฟัน) แล้วอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดหมดจด ถวายสักการะบูชาด้วย สุคันธชาติ เครื่องหอมแลธูปร่ำบรรเลงสังคีตดนตรี ถวายสักการะในพระสูตรนี้ อนึ่ง ถ้าหากแม้นได้ทำการคัดลอกด้วยตนเองหรือสอนแนะนำให้ผู้อื่นคัดลอก หรือได้อัญเชิญพระสูตรนี้ออกเผยแผ่สั่งสอนต่อเหล่าเวไนยสัตว์ ได้สดับถึงนัยยะอันสำคัญของพระสูตรนี้ และรับปฏิบัติตามด้วยจิตมั่นคง บังควรทำการถวายเครื่องอุปถากด้วยกัปปิยภัณฑ์ ปัจจัยที่จำเป็นแก่พระธรรมมาจารย์ ที่สั่งสอนธรรมนั้นโดยมิให้ท่านต้องลำบากหรือขาดแคลน เมื่อกระทำได้ดังแล้วไซร้พระพุทธเจ้าทั้งปวงก็จะทรงอภิบาลดูแลรักษา แม้ปรารถนาหรือวอนขอสิ่งใด ก็จะได้สมหวังดังปณิธานทุกประการและเบื้องอันที่สุดนั้น ก็จะได้บรรลุถึง
พระอนุตรสัมมมาสัมโพธิญาณ
     แลบัดนั้น พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ทรงกราบทูลต่อพระพุทธองค์ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ขอประกาศปณิธานว่า ในกาลที่พระสัทธรรมผวนกลับบิดผันไปด้วยประการทั้งปวง ข้าพระองค์จะเป็นผู้บันดาลให้กุลบุตร กุลธิดา ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาที่บริสุทธิ์ อย่างแท้จริง ได้สดับฟัง พระนามของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเอง แม้ในขณะที่เขาหลับอยู่ข้าพระองคืก็จะทำให้เขามีสติรู้สึกตัวหูของเขาก็ไดสดับฟังพระนาม แลได้กระทำจิตมนสิการถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ (พระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้า)
   ข้าแต่พระผู้มีพร ะภาคเจ้า มาตรแม้นมีผู้ใดที่ได้อ่าน แลได้สาธยายในพระสูตรนี้ หรือได้ที่การแสดงอรรถาธิบาย พระสูตรนี้ให้ผู้อื่นได้รู้ ได้ฟังหรือได้กระทำการคัดลอกพระสูตรนี้ด้วยตนเองหรือแนะนำให้ผู้อื่นคัดลอกอีก ได้กระทำการถวายสักการะบูชาพระสูตรนี้ด้วย มวลบุปผาชาติและสุคันธชาติเครื่องทาหอม ผงหอมเครื่องงหอมเผาร้อน ธูป มาลัย ธง ฉัตร เครื่องดนตรี ดังนี้ แล้วได้นำแพร ๕ สี มาทำเป็นของบรรจุรักษาพระสูตรนี้ประดิษฐานไว้ในที่สูง ปัดกวาดเสนาสนะ ให้สะอาดและสมควรในการสักการะ บัดนั้น เทวมหาราชทั้ง ๔ และเหล่าเทพนิกร
บริวารผู้ติดตามอันมีจำนวนนับบอสงไขย ก็จะเสด็จมาทำการสักการะบูชาแลปกปักษ์อภิบาลพระสูตรนี้
      ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า หากพระสูตรอันมีค่ายิ่งกว่ารัตนะนี้ ได้เผยแผ่ไปและได้มีการปฏิบัติบูชาในปณิธานบารมีแห่งพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคต ก็พึงจะได้รับกุศลบารมีจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ และถ้าพระนามของพระองค์ปรากฏขึ้น ณ สถานที่แห่งหนใดการเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุก็จะหมดสิ้นไปจากสถานที่แห่งหนนั้น  
      เหล่าปีศาจร้ายทั้งหลายที่คอยช่วงชิงดวงวิญาณ ก็จะไม่สามารถกระทำการได้อีก แลผู้ที่ต้องดับชีวิตลงด้วยการนี้ ก็จะฟื้นคืนชีวิตเหมือนดังเดิมและจะได้รับความสุขเกษมทั้งกายใจ
     ครั้นแล้ว องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงมีพุทธดำรัสกับพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ว่าเป็นเช่นนั้น เป็นเช่นนั้นดั่งที่เธอได้กล่าวมาแล้ว มัญชุศรี หากมีกุลบุตร กุลธิดาใดๆ ที่เปี่ยมด้วยศรัทธามีความปรารถนาดีจะทำการสักการะบูชาต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าฉ ก็พึงจัดสร้างพระรูปของพระผู้มีพระเจ้าพระองค์นี้ขึ้น จัดแต่งมณฑลบูชาให้สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อประดิษฐานพระรูปนั้น แล้วเกลี่ยมมวลบุปผาชาตินานาพรรณ จุดธูป เทียนร่ำสุคันธ์ชาติ ประดับประดาสถานที่แห่งนั้นด้วยธง ฉัตรต่างๆ พึงสมาทานรักษาอุโบสถ (ศิล๘) เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน บริโภคอาหารบริสุทธิ์ (อาหารเจ) ชำระร่างกายให้ผุดผ่องสวมใส่เสื้อผ้าพัตราภรณ์ที่สะอาดหมดจด กระทำจิตใจให้ปราศจากความเศร้าหมอง ขุ่นมัว ปราศจากความ โกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาทต่อสรรพชีวิตทั้งปวงแล้วประกอบกุศลกรรมอันเกื้อประโยชน์สุขแก่สรรพชีวิตมีจิตเปี่ยมด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อย่างมั่นคง ถวายสักการะบูชาด้วยบรรเลงเครื่องดุริยางค์ดนตรี และทำการทักษิณาวัตร (เวียนขวา) โดยรอบพระพุทธรูปแล้วจึงสวดสาธยายพระปณิธานสูตรของพระตถาคตเจ้าพระองค์นั้น (พระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคต) อนึ่ง พึงพิจารณาความหมายในพระสูตรแลพึงได้อรรถาธิบายความในพระสูตร เมื่อกระทำได้ดังนี้แล้วไซร้ หากประสงค์ในสิ่งใดก็จะสำเร็จในสิ่งนั้น หากปรารถนาความมีอายุยืน ก็จะได้รับความมีอายุยืน หากปรารถนาความร่ำรวยมั่งคั่ง ก็จะได้รับความร่ำรวยมั่งคั่ง หากปรารถนายศถาบรรดาศักดิ์  ก็จะได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ หากปรารถนาบุตร ธิดาก็จะได้รับบุตร ธิดาสมดังเจตน์จำนงหมายทุกประการ
     หากมีนิมิตร้าย หรือได้ประสพสิ่งอัปมงคลต่างๆ เช่น มีนกประหลาดมาประชุมรวมกลุ่มกัน หรือพบเห็นสิ่งแปลกประหลาดต่างๆ อยู่ภายในเคหะสถานของตน ถ้าหากบุคคลผู้นั้นได้นำทรัพย์สินสิ่งมีค่า ถวายสักการะบูชาต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตแล้ว นิมิตร้ายและสิ่งอัปมงคลรวมตลอดถึงสิ่งลึกลับทั้งหลายทั้งปวง ก็มิอาจบันดาลโทษแก่เขาได้เลย แม้มีอันตรายที่เกิดจากอุทกภัย อัคคีภัย ศัตตราวุธ ยาพิษ ช้างร้าย สิงโต เสือ สุนัขป่า หมี งูพิษ แมงป่อง สัตว์เลื้อยคลาน ยุงแมลง และสิ่งอันน่าสะพึงกลัวต่างๆ ถ้าหากได้ยังจิตให้เข้าถึงโดยการตั้งจิต นมสิการในพระตถาคตเจ้าพระองค์นั้น
(พระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้า)และถวายความเคารพสักการะแล้วก็จะหลุดพ้นเสียจากความหวั่นเกรงทั้งปวง แม้ว่ามีการรุกรานก่อกวนหรือมีภัยอันเกิดจากปัจจามิตรผู้ที่ไม่ประสงค์ดีพึงระลึกถึงพระตถาคตเจ้าพระองค์นั้น
(พระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้า) แล้วกระทำจิตนมสิการ เคารพบูชาต่อพระองค์ดังนี้ก็จะได้ปลอดพ้นจากเพทภัยทั้ปวง
     ดูก่อน มัญชุศรี หากกุลบุตร กุลธิดาใดๆ มีจิตเลื่อมใสศรัทธาอันบริสุทธิ์
มิได้มีใจฝักใฝ่ในเทพเทวาองค์ใดตลอดชีวิต หากมีใจถือสรณะอยู่แต่ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แลได้ปฏิบัติศิลสังวรตนอยู่ในศิล ๑๐ โพธิสัตว์ศิล ๔๐๐ ภิกษุศิล ๒๒๗ ภิกษุณีศลิ๓๑๑ แล้วแต่ก็ยังปริวิตกหวาดกลัวว่า อาจจะต้องตกลงไปสู่อบายภูมิอีก หากเขาได้พบและภาวนาพระนามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น (พระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้า)  ได้ถวายสักการบูชา
เขาจะไม่ต้องตกสู่อบายภูมิทั้ง ๓ อย่างแน่นอน แม้นว่ามีสตรีใดได้รับทุกขเวทนาในการคลอดบุตร หากเธอสามารถยังจิตให้เข้าถึงโดยการสรรเสริญนมัสการในพระนาม (พระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้า) ความทุกข์ทรมานทั้งหลายก็จะอันตรธานหมดสิ้นไป บุตรที่ถือกำเนิดมาจะมีรูปลักษณ์อันปรากศจาก ตำหนิ มลทิน จะเป็นที่รัก ที่เมตตาแก่บุคคลที่ได้พบเห็น จะกอปรด้วยสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด เพียบพร้อมด้วยความสามารถ และด้วยพลานามัยอันสมบูรณ์แข็งแรงจะไม่มีอมนุษย์ใดๆ มาช่วงชิงจิตวิญญาณของเขาไปได้เลย
     แลบัดนั้น สมเด็จพระบรมโลกนาถจึงมีพุทธธดำรัส ตรัสแก่พระอานนท์เถระเจ้าว่า หากเราตถาคต (พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า) จะกล่าวสรรเสริญถึงพระปฏิปทาอันลึกซึ้ง ของพระผู้มีพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตพระองค์นั้นและของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อันยากแก่การเข้าใจได้ เธอจะเชื่อตถาคตหรือไม่?
    พระอานนท์ทูลตอบว่า ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า ข้าพระองค์ปราศจากซึ่งความวิจิกิจฉาเคลือบแคลงสงสัย ในพระธรรมสูตรที่พระตถาคตเจ้าทั้งหลายได้ทรงงแสดงไว้ดีแล้ว เพราะพระปฏิปทา ของพระตถาคตเจ้าเหล่านั้นล้วนยังบังเกิดขึ้นจากกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมอันบริสุทธิ์
    ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า อันความกลมแห่งดวงสุริยาแลจันทรานั้น อาจทำลายลงได้ ยอดแห่งสุเมรุราชบรรพตอันมั่นคงนั้น ก็อาจจะสั้นคลอนได้ แต่พระพุทธวจนะ แห่งพระสุคตเจ้าทั้งหลาย มีความมั่นคงมิอาจที่จะเปลี่ยนแปลงได้
     ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า หากสรรพสัตว์เหล่าใด ที่มีความศรัทธาเชื่อมั่นไม่เพียงพอ ครั้นพอเขาได้สดับฟังในพระปฏิปทาอันลึกซึ้งแยบยลแห่งพระพุทธธเจ้าทั้งหลาย แล้วก็อาจมีความสงสัยว่าเพียงแค่สาธยายถึงพระนามแห่งพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้าและพระนามแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายแล้ว เพียงเท่านี้ก็ได้รับพร หรือบารมีอันวิเศษนั้นได้กระนั้นหรือ? ด้วยเหตุที่ปราศจากความศรัทธานี้เองเขาจึงได้กระทำการจาบจ้วงดูหมิ่นบุคคลเหล่านี้แทนที่จะได้รับโชคดีและความสุขอันอเนกอนันต์แต่กลับต้องตกลงสู่อบายภูมิว่ายเวียนอยูในสังสารวัฏไม่รู้จักจบสิ้น
    ขณะนั้น สมเด็จพระชินสีห์ศากยมุนี ทรงมีพุทธบรรหารแก่พระอานนท์เถระเจ้าว่า สรรพสัตว์เหล่านี้ หากได้สดับฟังพระนามแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคต แล้วยังจิตให้เข้าถึงโดยการปฏิบัติ บูชาอย่างไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยด้วยประการฉะนี้ เขาก็จะไม่ต้องตกสู่อบายภูมิ
    ดูก่อนอานนท์ นี่คือพระปฏิปทาอันลึกซึ้งแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
เธอจงเชื่อมั่นในสัจจะของเราตถาคตเถิดเธอจะได้รับในปัจจุบันนี้ เธอจะได้รับทราบแลได้เข้าใจ ในพระผลานุภาพของพระตถาคตเจ้า
   อานนท์ เหล่าภิกษุสาวก ปัจเจกพุทธและโพธิสัตว์ทั้งหลาย ที่ยังไม่บรรลุถึงภูมิชั้นนต่างๆ ก็จะไม่สามารถเชื่อในสัจจะความจริงทั้งหมดนี้ได้ เว้นแต่โพธิสัตว์ที่ปฏิพันธิ์กับการเกิดอีกเพียงชาติเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าใจได้โดยถ่องแท้
    อานนท์ เป็นการยากยิ่งนักที่จะได้กำเนิดเป็นมนุษย์ และได้ยึดมั่นในพระรัตนไตรด้วยศศรัทธาอันมั่นคง แต่การที่จะได้สดับฟังในพระนามของพระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้านั้น นับเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า
อานนท์  พระไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาตถาคตเจ้าพระองค์นั้น หากว่าเราตถาคต(พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า) จะกล่าวพรรณนาถึงโพธิสัตว์จรรยาอันไม่มีที่สิ้นสุด จะกล่าวถึงพระเกรียติคุณของพระองค์ในพระกุศโลบายที่ทรงสั่งสอนขัดเกลาเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลาย และความยิ่งใหญ่แห่งพระมหาปณิธานอันไม่มีประมาณของพระองค์แล้วแม้นเราตถาคตจะใช้เวลาจนสิ้นกัลป์ ก็มิสามารถที่จะกล่าวพรรณาถึงพระจรรยาปณิธาน และพระกุศโลบายต่างๆ ของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ให้หมดสิ้นได้ในเวลาอันรวดเร็วเลย